วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ถุงยางอนามัย




ถุงยางอนามัย
จากการที่ผู้ป่วยโรคเอดส์ร้อยละ 84 ได้รับเชื้อเอดส์มาจากการมีเพศสัมพันธ์ มาตรการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อเอดส์ จึงเน้นที่การรณรงค์ให้ประชาชนมีพฤติกรรมที่เหมาะสม รักเดียว-ใจเดียว มีคู่เพศสัมพันธ์เพียงคนเดียว แต่ก็ยังคงมีการแพร่ระบาดทางเพศสัมพันธ์ในระดับสูง มาตรการส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยจึงเป็นมาตรการสำคัญที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาทางเพศสัมพันธ์จากการเฝ้าระวันพฤติกรรม เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ทางเพศสัมพันธ์ใน กลุ่มประชากรที่มีอายุ 15 - 29 ปี พบว่าอัตราการใช้ ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์นอกสมรสน้อยกว่าร้อยละ 30 ทั้งนี้เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังคงมีเจตคติต่อถุงยางอนามัยในเชิงลบ เช่น คิดว่าถุงยางอนามัยให้ความรู้สึกที่ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่มั่นใจในคุณภาพของถุงยางอนามัยกลัวคู่นอนคิดว่าตัวเองติดเชื้อและไม่แน่ใจว่าถุงยางอนามัยจะป้อง กันโรคได้
แม้ว่าประชาชนส่วนใหญ่จะมีความรู้เรื่องโรคเอดส์ และวิธีการป้องกันการติดเชื้อเอดส์เป็นอย่างดี แต่ก็ยังไม่นิยมใช้ถุงยางอนามัย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความตระหนักถึงประโยชน์ของถุงยางอนามัย เพื่อให้ยอมรับการใช้ถุงยางอนามัยมากยิ่งขึ้น และเพื่อลดอัตราการติดเชื้อเอดส์ให้น้อยลง โดยการเน้นความน่าเชื่อถือในคุณภาพและแสดงถึงความรอบคอบ และปรับเปลี่ยนค่านิยมที่ตีตราว่าถุงยางอนามัยเป็นสัญญลักษณ์ของความสำส่อนทางเพศ ให้สื่อแสดงว่าถุงยางเป็น เครื่องใช้ที่บ่งบอกถึงความรอบคอบระมัดระวังรวมทั้งต้องส่งเสริมสนับสนุนและควบคุมตรวจสอบการผลิตถุงยางอนามัยให้มีมาตรฐานคุณภาพดีสร้างความมั่นใจต่อประชาชนผู้บริโภคว่ามีความปลอดภัยในการป้องกันการติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์และเชื้อเอดส์ได้ถุงยางอนามัยหรือ Condom เป็นผลิตภัณฑ์จากน้ำยางธรรมชาติ น้ำยางสังเคราะห์หรือวัตถุอื่น ๆ ใช้สวมอวัยวะเพศชายในขณะร่วมเพศ เพื่อป้องกันการหลั่งน้ำอสุจิเข้าสู่ช่องคลอด เป็นการป้องกันการตั้งครรภ์ การติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ ถุงยางอนามัยมีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น ถุง ปลอก เสื้อฝน เสื้อเกราะ มีชัย สุลต่าน ในภาษาอังกฤษเรียกว่า condom,skin,sheath,prophylactics เป็นต้น


ขบวนการผลิตถุงยางอนามัยประกอบด้วย 6 ขั้นตอนคือ
การผสม
การขึ้นรูปถุงยางอนามัย
การอบแห้งและทำให้ยางคงรูป
การตรวจสอบหารอยรั่วด้วย ไฟฟ้า
การเติมสารหล่อลื่นและการบรรจุถุงยางอนามัย
การควบคุมคุณภาพถุงยางอนามัย
ซึ่งผู้ผลิตจะทำการควบคุมคุณภาพ ตั้งแต่การควบคุมคุณภาพวัตถุดิบ การควบคุมคุณภาพระหว่างการผลิต และการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปตามมาตรฐานที่กำหนด นอกจากนี้ภาครัฐยังได้ส่งเสริมมาตรการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2535 โดยการริเริ่มโครงการตรวจสอบคุณภาพถุงยางอนามัยก่อนออกจำหน่าย โดยกำหนดให้ถุงยางอนามัยทุกรุ่นการผลิต หรือนำเข้าจะต้องส่งตัวอย่างให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจวิเคราะห์คุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดหากพบว่าได้มาตรฐานจึงจะอนุญาตให้จำหน่ายได้ในกรณีที่คุณภาพไม่เข้ามาตรฐานจะต้องทำลายหรือส่งกลับประเทศผู้ผลิตทันทีมาตรการดังกล่าวจึงเป็นเสมือนการกลั่นกรองคุณภาพถุงยางอนามัยก่อนถึงมือผู้บริโภคตลอดจนเป็นการกระตุ้นให้ผู้ผลิตและผู้นำเข้าตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมในการที่จะผลิตหรือนำเข้าเฉพาะถุงยางอนามัยที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพเป็นที่น่าเชื่อถือแก่ผู้ใช้อย่างไรก็ตามแม้ว่าถุงยางอนามัยที่วางจำหน่ายในท้องตลาดจะผ่านขั้นตอนการผลิต และการควบคุมคุณภาพเป็นอย่างดี ทั้งในส่วนของผู้ผลิตและภาครัฐแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถเป็นหลักประกันได้ว่าถุงยางอนามัยทุกชิ้นที่วางจำหน่ายในท้องตลาดมีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดีเนื่องจากถุงยางอนามัยเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากน้ำยางธรรมชาติ ซึ่งมีคุณสมบัติที่จะเสื่อมสลายได้ตามระยะเวลา และสภาพการเก็บรักษา อาจมีส่วนทำให้ถุงยางอนามัยเสื่อมคุณภาพก่อนเวลาอันควรหรือก่อนวันสิ้นอายุที่ระบุไว้บนฉลากเมื่อนำถุงยางอนามัยไปใช้งานจะสามารถใช้คุมกำเนิดหรือป้องกันโรคได้แน่นอนหรือไม่ มิได้ขึ้นกับคุณภาพของถุงยางอนามัยเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับวิธีการใช้ว่าใช้ถูกต้องหรือไม่ หมดอายุการใช้งานหรือยัง หรืออาจแตกขณะใช้ สาเหตุเนื่องจากบางครั้งผู้ใช้อาจละเลย หรือมิได้คำนึงถึงเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งได้แก่ การเลือกซื้อ การเก็บรักษาและวิธีการใช้หากผู้ใช้ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวและมีการปฏิบัติอย่างถูกต้องจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้ถุงยางอนามัยสำหรับคุมกำเนิดและป้องกันโรค ตลอดจนสามารถทำให้ผู้ใช้เกิดความพึงพอใจ และมีทัศนคติที่ดีต่อถุงยางอนามัย


ชนิดของถุงยาอนามัย
ถุงยางอนามัยแบ่งชนิดตามลักษณะผิว เป็น 2 ชนิด คือ ชนิดผิวเรียบ และชนิดผิวไม่เรียบ
การเลือกซื้อควรสังเกตดู ว่าเป็นชนิดที่ตรงกับความต้องการของตนเองหรือไม่ นอกจากนี้ ผู้ซื้อควรสังเกตข้อความอื่น ๆ ว่าครบถ้วน และตรงกับความต้องการหรือไม่ เช่น ชื่อผู้ผลิต หรือผู้นำเข้า รุ่นที่ผลิต เดือนปีที่ผลิต มีสารหล่อลื่น หรือสารฆ่าเชื้ออสุจิ มีสารแต่งกลิ่นหรือไม่ ฯลฯ


ประเภทของถุงยาอนามัย
ุ ถุงยางอนามัยแบ่งประเภทตามขนาดความกว้าง ( ครึ่งหนึ่งของเส้นรอบวงของถุงยางนามัย ) เป็น 13 ขนาด คือ 44 , 45 , 46 , 47 , 48 , 49 ,50 , 51 ,52 , 53 , 54 , 55 และ 56 มิลลิเมตร (มม.) ขนาดที่มีจำหน่ายในเมืองไทยส่วนใหญ่จะเป็นขนาด 49 มม. มม. และ 52 มม.จากการสำรวจพบว่าปกติชายไทยจะใช้ถุงยางอนามัยขนาด 49 มม. หากเป็นชายไทยรุ่นใหม่ ขนาด 52 มม. จะเหมาะสมกว่า การเลือกซื้อคงจะต้องซื้อในขนาดที่เคยใช้สวมใส่มาแล้ว หากมีขนาดใหญ่เกินไปจะหลวมและหลุดง่าย หากเล็กไปจะฉีกขาดได้ง่าย ซึ่งจะก่อให้เกิดความรู้สึกไม่อยากใช้และมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อถุงยางอนามัย

2 ความคิดเห็น:

  1. ผมอยากได้ถุงยางอนามัย
    ขนาด 56 มิลลิเมตร แต่หาซื้อไม่ได้เลย
    ทุกวันนี้ใส่ 52 อยู่คับมากรูดลงมาได้แค่ครึ่งเดียวเองครับ

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ดี

    ตอบลบ
  2. เราขอบคุณเธอมากๆเลย
    ข้อมูลที่ให้มานี้มีประโยชน์ต่อสังคมมากนะ
    เว็บก็น่ารักดีแหละ
    มาอัพบ่อยๆนะจะเข้ามาอ่าน

    สู้ๆ

    ตอบลบ

ผมเองครับ